|
 |
 |
 |
|
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
No Man''s
Land (2001)
(บรรยายไทย) |
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
 |
 |
 |
 |
Director:Danis
Tanović Producer:Cédomir
Kolar, Marc Baschet,
Frédérique Dumas-Zajdela
Story by: Screenplay by:Danis
Tanović
Music by:Danis
Tanović
Cinematography:Walther
vanden Ende
Edited by:Francesca
Calvelli
Running time:98
min
Country:France,
Italy, Belgium,
UK, Slovenia Language:Bosnian,
French, English,
Serbian
Genre:Drama,
War
Subtitle:English,
ไทย Starring:Branko Đurić - Čiki,
Rene Bitorajac - Nino,
Filip Šovagović - Cera,
Georges Siatidis - Sergeant Marchand,
Serge-Henri Valcke - Captain Dubois,
Sacha Kremer - Michel,
Alain Eloy - Pierre,
Mustafa Nadarević - Older Serbian soldier,
Bogdan Diklić - Serbian officer,
Simon Callow - Colonel Soft,
Katrin Cartlidge - Jane Livingstone, journalist,
Tanja Ribič - Martha, Branko Završan - Deminer |
|
(บทความนี้ตัดมาจาก..http://oknation.nationtv.tv/blog/kokoyadi/2010/04/08/entry-1
..ขอขอบคุณท่านผู้เขียนมา
ณ.ที่นี้)
ชวนดูหนัง No Man''s Land
Posted by kokoyadi
อันที่จริงหนังเรื่องนี้เก่าพอตัว คือ ออกฉายครั้งแรกปี
2001 และได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศด้วย หนังเรื่อง No man''s land
เป็นภาพยนตร์ของ Danis Tanovic ที่บอกเล่าพื้นที่ขัดแย้งของ บอสเนีย และ
เฮอเซโกวิน่า ในช่วงปี 1993 ที่ความขัดแย้งในคาบสมุทรบอลข่านยังคุกรุ่นอยู่
ตามชื่อเรื่อง No man ''s land คือ
พื้นที่ที่เป็นข้อพิพาทที่ทั้งสองกลุ่มอ้างกรรมสิทธิ์แต่ยังไม่สามารถครอบครองพื้นที่นั้น
และตกลงกันว่า ห้ามทั้งสองฝ่ายเข้าไปใช้พื้นที่ ปัญหาหลักของหนังนี้
คือ มีทหารของทั้งสองฝ่ายที่ประสบเหตุบังเอิญให้มาติดกับอยู่ในพื้นที่นี้
และทั้งสองก็ไม่สามารถกลับไปในฝ่ายของตัวเองได้ เพราะเกรงว่าจะถูกอีกฝ่ายยิง
มิหนำซ้ำ ยังมีทหารอีกคนหนึ่ง ซึ่งนอนติดกับ กับระเบิด
ไม่สามารถลุกออกจากกับระเบิดนี้ได้ ทำให้ทั้ง 3
คนไม่สามารถออกจาก no man ''s land นี้ได้ ทางต้นสังกัด ก็ไม่สามารถเคลียร์ปัญหาได้
เรื่องราวก็เริ่มยุ่งวุ่นวาย เมื่อคนที่ต้องเข้ามาแก้ปัญหา คือ UN
ที่มีทั้งระดับเจ้าหน้าที่ที่คำนึงถึงเรื่องมนุษยธรรม
และผู้บริหารระดับสูงที่ต้องคำนึงถึงบทบาทและภาพลักษณ์องค์กร
ซึ่งทั้งหมดต้องทำงานภายใต้สื่อระดับโลกที่เข้ามาทำข่าวจึงทำให้เรื่องราวยิ่งยุ่งขิงหนักเข้าไปอีก
สำหรับหนังขอเล่าได้เพียงเท่านี้ เพราะมันสนุกและร้ายกาจมาก
จนรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ ดีกว่าหนังที่ได้ออสการ์ซะอีก
อยากให้ลองไปหาดูกันครับ
(บทความนี้ตัดมาจาก..http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=zhivago&month=17-02-2008&group=7&gblog=7
..ขอขอบคุณท่านผู้เขียนมา
ณ.ที่นี้)
เสี้ยวหนึ่งของการล่มสลายของยูโกสลาเวีย
เขียนโดย Zhivago
ไปค้นข้อมูลต่อหลังจากดูภาพยนตร์เรื่อง NO Man''s
Land
...ผมเพิ่งมีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง
มีคนเคยมาเล่าว่า "หนังเรื่องนี้ดีนะ" ให้ฟังนานพอสมควรมาแล้ว
แต่ก็ยังไม่มีจังหวะเหมาะจะหามาดูสักที หนังได้รางวัล Academy Award
ภาพยนตร์ต่างประเทศ ปี ค.ศ. 2001 และรางวัลอีกเพียบเป็นหางว่าว
ล่าสุดก็เพิ่งจะมีคนเอามาให้ยืมดูถัดจาก Bowling for Columbine ที่ "ดูแล้วอึ้ง"
ไปไม่นาน
หนังเรื่องที่สามของผู้กำกับอายุ
32 ปี (ในขณะนั้น) ชาวบอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา Danis Tanovic
ผู้เคยใช้ชีวิตสองปีถ่ายทำภาพยนตร์ในกองทัพบอสเนียที่ซาราเจโว
เมืองหลวงของบอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา
กลางดึกคืนหนึ่ง
ในสงครามอะไรสักอย่าง... หน่วยรบกลุ่มหนึ่งเดินหลงทางในหมอกสายหนึ่ง
สภาพของหน่วยรบไม่ต่างจากกองโจรเท่าใดนัก..ใครคนหนึ่งถึงกับใส่รองเท้า converse
allstars และเสื้อยืด The Rolling Stones (ถ้าเปลี่ยนจาก AK47
เป็นกีตาร์ละก็ขึ้นเวทีคอนเสิร์ทได้เลย)
คนนำทางบอกให้หยุดพักเอาแรงใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง
ก่อนที่พวกเขาจะตื่นเช้าขึ้นมาพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่หน้าสนามเพลาะแห่งหนึ่ง
ใกล้ชนิดที่ยิ้มแยกเขี้ยวให้กันเมื่อไหร่ก็เห็นฟันเลยทีเดียว...
ปัญหาก็คือไอ้ที่อยู่ในสนามเพลาะนั้นไม่ใช่พวกเดียวกันนะสิ !
แล้วมันเป็นสงครามอะไร ?
ประเทศยูโกสลาเวีย
เดิมอยู่ในอาณัติของของจักรวรรดิออสเตรีย- ฮังการี
มีเพียงเซอร์เบียและมอนเตรเนโกรที่เป็นรัฐอิสระ จนกระทั่ง ปี ค.ศ. 1918
ฝ่ายเซอร์เบีย โครเอเทีย และสโลเวเนียรวมตัวกันเป็นราชอาณาจักรยูโกสลาเวีย
มีกษัตริย์อเล็กซานเดอร์จากเซอร์เบียเป็นกษัตริย์ กระทั่งในปี ค.ศ. 1934
กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ถูกปลงพระชนม์ มกุฎราชกุมาร Petar
รัชทายาทอยู่ภายใต้การดูแลของคณะผู้สำเร็จราชการ
ค.ศ. 1939
(ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง) คณะผู้สำเร็จราชการแทนมกุฎราชกุมาร Petar รัชทายาท
ตกลงให้โครเอเชียมีสิทธิปกครองตนเอง โดยยูโกสลาเวียให้การดูแลในบางเรื่อง
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
ฝ่ายทหารล้มล้างคณะผู้สำเร็จราชการและแต่งตั้งให้มกุฎราชกุมาร Petar เป็นกษัตริย์
หลังจากนั้นกองทัพเยอรมันโจมตีกรุงเบลเกรด กษัตริย์ Petar ลี้ภัยออกนอกประเทศ
ค.ศ. 1944 จอมพล โจซิฟ ติโต้
คอมมิวนิสต์ ยึดยูโกสลาเวียได้และแต่งตั้งตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี
และเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น "สหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย"
..........
กองโจรหลงทางที่ตื่นเช้าขึ้นมาพบว่าเดินเลยแนวหน้าของตัวเองมาจนใกล้ขอบนรกกลับหลังหันแล้ววิ่งหนีหัวซุกหัวซุนกลับไปทางเดิม
คนนำทางที่เฝ้าบอกว่า "ไม่เคยพลาด" มีรูเบ้อเร่อที่กลางหน้าผากล้มลงเป็นคนแรก
ที่เหลือร่วงผลอยเป็นใบไม้ร่วง
คนสุดท้ายถูกยิงที่ไหล่ก่อนจะถูกแรงระเบิดจากกระสุนปืนรถถังส่งให้ลงไปนอนกองอยู่กลางสนามเพลาะร้างในเขตที่ไม่มีใครยึดครอง...
No Man''s Land !
ทหารฝ่ายที่ระดมยิงทั้งปืนเล็กและปืนใหญ่
ส่งทหารเฒ่านายหนึ่งและพลทหารหน้าใหม่รายหนึ่งค่อย ๆ
คลานลัดเลาะไปตามพงหญ้าไปดูผลงานอันเกิดจากมหกรรม "ยิงข้างเดียว" ที่เกิดขึ้น
..........
สหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวียประกอบไปด้วย
6 สาธารณรัฐได้แก่ โครเอเชีย ,สโลวีเนีย, เซอร์เบีย, มอนเตเนโกร,
บอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา, มาซีโดเนีย และอีก 2 จังหวัด คือ วอยวอดินาและโคโซโว
บอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนาตั้งอยู่ทางตอนกลางของอดีตประเทศยูโกสลาเวีย
ขนาบทางตะวันตก-ใต้-เหนือด้วยโครเอเทีย
และด้านตะวันออกอยู่ติดกับเซอร์เบีย-มอนเตรเนโกร
ปัญหาที่เกิดกับสหพันธ์สาธารณรัฐแห่งนี้คือปัญหาด้านศาสนา-เชื้อชาติ-และประวัติศาสตร์
สโลวีเนียและโครเอเชีย (อยู่ทางตะวันตกและทางเหนือ)
เคยอยู่ในอาณัติของอาณาจักรโรมันและตกทอดมาจนถึงจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี
จึงมีลักษณะทางวัฒนธรรมไปทางยุโรป (คริศต์ศาสนาโรมันคาธอลิกส์) ส่วนรัฐทางตอนใต้
คือ เซอร์เบีย มอนเตนิโกร บอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา และมาเซโดเนีย
เคยอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรไบแซนไทน์และจักรวรรดิออตโตมาน
พื้นฐานทางวัฒนธรรมจึงเป็นแบบมุสลิมหรือ คริสต์ศาสนานิกายออร์โธดอกซ์
..........
ทหารเต็มรูปแบบจากฝั่งตะวันออกของสนามรบ
ค่อย ๆ คืบคลานลัดเลาะไปทางตะวันตกอย่างช้า ๆ
ก่อนจะทิ้งตัวลงยืนในสนามเพลาะที่ไม่มีใครยึดครอง ระหว่างแนวหน้าของทั้งสองด้าน
ฝ่ายตรงข้ามที่เหลืออยู่คนเดียวหนีไปซ่อนในมุมมืดของสนามเพลาะแห่งนั้น
ด้านหนึ่งถูกขีดเส้นไว้ด้วยกับระเบิด อีกด้านเปิดออกสู่ทุ่งหญ้าที่ไม่ว่าใครก็ตาม
หากยื่นหัวออกไปก็มีสิทธิ์ถูก "ยิงก่อนถาม" ได้เสมอ
กับดักอันไม่น่าอภิรมย์แห่งนี้ถูกบรรจุไว้ด้วยผู้คนที่กราดเกรี้ยวในสงครามที่ทั้งสองฝั่งล้วนพูดภาษาเดียวกัน
...พูดภาษาเดียวกัน !
ใครเป็นใคร ?
..........
ค.ศ. 1980 จอมพลติโต
ผู้ที่รัฐธรรมนูญประกาศให้เป็นผู้นำตลอดชีพถึงแก่อสัญกรรม รอยร้าวระหว่างวัฒนธรรม
ศาสนา และประวัติศาสตร์เริ่มแสดงออกมา ค.ศ. 1989 สโลโบดาน มิโลเซวิส
ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี
ค.ศ. 1991
โครเอเชียและสโลวีเนียที่ก่อนหน้านี้พรรคคอมมิวนิสต์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้การเลือกตั้งก็ประกาศแยกตัวเป็นเอกราชพร้อมกับการล่มสลายของระบอบคอมมิวนิสต์
จากนั้น ในปี ค.ศ. 1992 บอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา
จัดการสำรวจประชามติและประกาศแยกตัวเป็นเอกราช สงครามเริ่มต้นในช่วงนั้น...
มุสลิมบอสเนียต้องการแยกตัวเป็นเอกราช
แต่ชาวเซิร์บในบอสเนียเฮอร์เซโกวีนาไม่เห็นด้วยและต่อต้านภายใต้การนำของนายราโดวาน
คาราดิค (Radovan Karadzic) โดยประธานาธิบดีสโลโบดาน มิโลเซวิค (Slobodan
Milosevic) แห่งเซอร์เบียให้การสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์
ชาวเซิร์บต้องการฟื้นฟูอาณาจักรเซอร์เบียขึ้นมาโดยการรวมดินแดนบอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนาที่มีชาวเซิร์บอาศัยอยู่ให้เข้าไปอยู่ใต้การปกครองของเซอร์เบีย
อีกเหตุผลหนึ่งคือเพื่อหาทางออกสู่ทะเลอาเดรียติก
(ทะเลที่คั่นระหว่างคาบสมุทรบอลข่านกับอิตาลี - ขณะนั้น เซอร์เบียอยู่ในฐานะ
"เซอร์เบีย-มอนเตรเนโกร หากมอนเตรเนโกรแยกตัวออกไปในอนาคต
เซอร์เบียจะไม่มีทางออกทะเล) สงครามระหว่างเผ่าพันธ์ บอสเนีย-เซิร์บ จึงเกิดขึ้น
โดยราโดวาน คาราดิค
และชาวเซิร์บในบอสเนียผู้ทีได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาลใช้ความได้เปรียบในการปราบปรามมุสลิมในบอสเนีย..
โดยรัฐบาลกลางไม่ได้วางตัวเป็นกลาง
..........
เกิดอะไรขึ้นเมื่อทหารสองฝ่ายที่ไม่เคยทะเลาะกันเป็นการส่วนตัวมาก่อนต้องติดอยู่ในดินแดนที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ...
โผล่ขึ้นไปสุ่มสี่สุ่มห้าก็ถูกระดมยิงจากทหารฝ่ายที่ต่างก็คิดว่าเป็นทหารฝ่ายตรงข้าม
เหตุการณ์ไม่คาดฝันในสนามเพลาะร้างก็ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก
..ทหารกองโจรชาวบอสเนียนั่งรออะไรสักอย่างเกิดขึ้นอย่างแทบจะหมดหวัง
แต่ทหารเต็มยศชาวเซิร์บทั้งสองคนก็ไม่ได้สร้างความได้เปรียบในการเป็น "ชนกลุ่มใหญ่"
ในหลุมตื้น ๆ ที่ไม่เป็นของชาติใดนี้ได้
สถานการณ์เหมือนจะจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างชาวเซิร์บกับบอสเนีย
จากนั้นไม่นาน ความเป็น "ชนกลุ่มน้อย"
ของทหารบ้านชาวบอสเนียที่สวมเสื้อโรลลิ่งสก็ถูกทำให้สมดุลย์ด้วยกระสุนของเขา...
หนังสร้างออกมาได้อย่างประชดประชันและเย้ยหยันสงคราม (ไม่ว่าครั้งนี้หรือครั้งไหน)
ตัวละครสองคนมาเผชิญหน้ากันในสนามเพลาะที่พร้อมจะถูกฝ่ายไหนก็ได้ถล่มให้เละเนื่องจากอยู่คั่นกลางระหว่างแนวหน้าของทั้งสองฝั่ง
No man''s land แบบนี้มีให้เห็นทั่วทุกสงครามที่มีการแย่งชิงดินแดนกัน
ด้วยการถกเถียงแบบเด็กสองคนทะเลาะกัน
ต่างคนต่างพยายามยัดเยียดให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้เริ่มสงคราม
ก่อนที่จะลงเอยด้วยการเอาก้อนดินก้อนหินขว้างกันแบบเด็ก ๆ
...แล้วหนึ่งในนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองกำลังถือปืนอยู่นี่หว่า
และแน่นอนว่าอำนาจย่อมอยู๋ในมือผู้ถืออาวุธ (ที่เหนือกว่า)
เช่นเดียวกับที่มีคนพูดอยู่เสมอว่าผู้ชนะเขียนประวัติศาสตร์นั่นเอง
ผู้เขียน/ผู้กำกับนำไปย้ำอีกครั้งในอีกไม่กี่ฉากต่อมา ..คราวนี้คนถือปืนเป็นคนละคนกัน
ความสัมพันธ์ของพวกเขาดูเหมือนจะดีขึ้นเรื่อย ๆ
จนกระทั่งทั้งสองขึ้นไปยืนโบกมือที่ริมสนามเพลาะแล้วแนวหน้าทั้งสองฝ่ายต่างพร้อมใจกันเรียกใช้บริการของ
United Nations Protection Force in Yugoslavia: UNPROFR
ใครคือ UNPROFR ?
หนังชี้ให้เห็นถึงบทบาทของสหประชาชาติผ่านบทความพิเศษในรายการข่าวทางโทรทัศน์แห่งหนึ่งว่าประธานาธิบดีฟรังซัว
มิตเตอร์รองด์
ของฝรั่งเศสเป็นผู้เจรจาขอให้ส่งความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมให้กับประชาชนบอสเนีย
(นิติภูมิ เนาวรัตน์
เขียนในเว็บไซต์ส่วนตัวว่าอาหารกระป๋องที่ส่งเข้าไปในบอสเนียนั้นส่วนหนึ่งเป็นเนื้อหมู..
ไม่รู้ว่าส่งเข้าไปช่วยเหลือกลุ่มใด-ระหว่างมุสลิมบอสเนีย กับคริสต์เซอร์เบีย)
ผู้สร้างทำภาพของ UNPROFR
ได้เหมือนกับ UN
ถูกตบหน้าฉาดใหญ่ด้วยการที่หน่วยงานหมวกสีฟ้าอันประกอบด้วยทหารหลายหน่วยมีหัวหน้าที่เหมือนกับนักการเมืองประเทศสารขัณฑ์ผู้ที่ทำงานเพียงหวังได้หน้าและไม่คิดถึงมนุษยธรรม
จนนายทหารชั้นประทวนในกองกำลังคนหนึ่งถึงกับต้องเอ่ยปากว่า
"การนิ่งเฉยก็คือการไม่เป็นกลางอย่างหนึ่ง"
หนังแทบจะชี้ให้เห็นความเฉื่อยชาและไร้ระบบของข่ายงานการบังคับบัญชาและความเหยาะแหยะไร้ประสิทธิภาพของ
UN (ในนาม UNPROFR)
รวมไปถึงการทำงานแบบไม่ก่อประโยชน์ให้กับฝ่ายใดของสื่อมวลชนที่มีสภาพไม่ต่างจากฝูงนกแร้งกลางทะเลทราย
(ผมคงไม่หวังอะไรมากแล้วกับฐานันดร 4 ไม่ว่าจะชาติไหน คงออกมาคล้ายกันหมด)
ผู้สร้างให้บทสรุปของหนังในแบบที่อยู่ในโลกของความเป็นจริง
ทันทีที่ตัวละครหลุดออกมาจากหลุมเพลาะ สงครามก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
ความเป็นตัวตนและจิตวิญญาณที่ถูกยกระดับขึ้นของตัวละครเมื่อลงไปในสนามเพลาะกลับเสื่อมถอยลงและหันเข้าหาสงครามอีกครั้ง
...แม้ตลกร้ายในเรื่องทำให้คนดูถึงกับคาดหวังว่าสองคนนี้อาจเคยจีบสาวคนเดียวกันมาก่อนด้วยซ้ำ
!
ค.ศ. 1995 ...สี่ปีหลังสงครามแบ่งแยกดินแดน
สโลโบดาน มิโลเซวิคและประธานาธิบดีโครเอเชีย
และบอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนาลงนามในข้อตกลงสันติภาพหลังจากนาโตโจมตีทางอากาศต่อกองทัพเซอร์เบียอย่างหนัก
ค.ศ. 2000 Milosevic
แพ้การเลือกตั้ง เขาเสียชีวิตเมื่อ 11 มีนาคม ค.ศ. 2006 ในเรือนจำของศาลอาญาโลก
กรุงเฮก เนเธอร์แลนต์ ในคดีอาชญากรรมและฆ่าล้างเผ่าพันธึในโคโซโว บอสเนีย
และโครเอเทีย
ประเทศยูโกสลาเวียก็ถูกแยกเป็น 7 ประเทศ
1 เซอร์เบีย
2 สโลวีเนีย ค.ศ. 1991
3 โครเอเชีย ค.ศ. 1991
4 มาซิโดเนีย ค.ศ. 1991
5 บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ค.ศ. 1991
6 มอนเตเนโกร ค.ศ. 1996
7 โคโซโว ค.ศ. 2008
หนังตัวอย่าง:
"No Man''s Land" Wins Foreign
Language Film: 2002 Oscars:
(คลิกที่รูปเพื่อดูรูปใหญ่
สกอเมาส์หรือกดปุ่มคีบอร์ดลูกศรเพื่อดูรูปต่อไป)
|
 |

รางวัล:Won
1 Oscar. Another 27 wins & 20 nominations.
|
Academy Awards, USA 2002
Won
Oscar |
Best Foreign Language Film
Bosnia.
|
Golden Globes, USA 2002
Won
Golden Globe |
Best Foreign Language Film
Bosnia
|
AFI Fest 2001
Argentinean Film Critics Association Awards 2003
Nominated
Silver Condor |
Best Foreign Film (Mejor Película
Extranjera)
Danis Tanovic
Bosnia.
|
Broadcast Film Critics Association Awards 2002
Nominated
Critics Choice Award |
Best Foreign-Language Film |
Brothers Manaki International Film Festival 2001
Camerimage 2001
Cannes Film Festival 2001
Chicago Film Critics Association Awards 2002
Nominated
CFCA Award |
Best Foreign Language Film |
Cottbus Film Festival of Young East European
Cinema 2001
César Awards, France 2002
Won
César |
Best First Work of Fiction (Meilleure
première oeuvre de fiction)
Danis Tanovic |
Nominated
César |
Best Screenplay, Original or
Adaptation (Meilleur scénario,
original ou adaptation)
Danis Tanovic |
Dallas-Fort Worth Film Critics Association
Awards 2002
2nd place
DFWFCA Award |
Best Foreign Language Film |
David di Donatello Awards 2002
Nominated
David |
Best Foreign Film (Miglior Film
Straniero)
Danis Tanovic |
European Film Awards 2001
European Union MEDIA Prize 2002
French Syndicate of Cinema Critics 2002
Ft. Lauderdale International Film Festival 2001
Golden Trailer Awards 2002
Nominated
Golden Trailer |
Best Foreign |
High Falls Film Festival 2001
Italian National Syndicate of Film
Journalists 2002
Joseph Plateau Awards 2003
Won
Joseph Plateau Award |
Best Belgian Screenplay
Danis Tanovic |
Nominated
Joseph Plateau Award |
Best Belgian Film |
Best Belgian Director
Danis Tanovic |
Las Vegas Film Critics Society Awards 2002
Won
Sierra Award |
Best Foreign Film |
Los Angeles Film Critics Association Awards 2001
Motovun Film Festival 2001
Won
FIPRESCI Prize |
Danis Tanovic
For the human and universal
meaning of a message dedicated
to the past, present and future
of the ... More
|
National Board of Review, USA 2001
Won
NBR Award |
Top Foreign Films |
New York Film Critics Circle Awards 2001
2nd place
NYFCC Award |
Best Foreign Language Film
Bosnia.
|
3rd place
NYFCC Award |
Best First Film
Danis Tanovic
|
Online Film & Television Association 2002
Nominated
OFTA Film Award |
Best Foreign Language Film
Bosnia / Herzegovina
|
Online Film Critics Society Awards 2002
Nominated
OFCS Award |
Best Foreign Language Film |
Phoenix Film Critics Society Awards 2002
Nominated
PFCS Award |
Best Foreign Language Film |
Raindance Film Festival 2001
Rotterdam International Film Festival 2002
San Sebastián International Film Festival 2001
Sarajevo Film Festival 2001
Satellite Awards 2002
Won
Golden Satellite Award |
Best Motion Picture, Foreign
Language
Bosnia
|
Southeastern Film Critics Association Awards 2001
2nd place
SEFCA Award |
Best Foreign Language Film |
São Paulo International Film Festival 2001
Uruguayan Film Critics Association 2002
|
|
Best Foreign Language Film, 2001 74th Academy Awards
Best Foreign Language Film, 2001 Golden Globe Awards
Best Screenplay Award, European Film Academy
Best Screenplay, 2001 Cannes Film Festival
No Man''s Land won Prix du scénario at the Cannes
Film Festival, followed by numerous awards,
including the Oscar for Best Foreign Language Film
in 2001, while in competition with French Amélie and
the Indian blockbuster Lagaan. Tanović was presented
the Oscar by John Travolta and Sharon Stone. Briefly
after, Tanović thanked everyone who worked with him
on the film and supported its creation. He ended his
acceptance speech by saying, "This is for my
country".
In total, No Man''s Land won 42 awards, including the
Oscar for Best Foreign Language Film, the European
Film Academy Award for Best Screenplay, the André
Cavens Award, the César Award for Best Debut in 2001
and the Golden Globe Award for Best Foreign Language
Film in 2002.
No Man''s Land (Bosnian: Ničija zemlja) is a 2001 war
film that is set in the midst of the Bosnian war.
The film is a parable and marked the debut of
Bosnian writer and director Danis Tanović. It is a
co-production among companies in Bosnia-Herzegovina,
Slovenia, Italy, France, Belgium and the UK. The
film won the Oscar for Best Foreign Language Film in
2001.
Bosnia and Herzegovina during 1993 at the time of
the heaviest fighting between the two warring sides.
Two soldiers from opposing sides in the conflict,
Nino and Ciki, become trapped in no man''s land,
whilst a third soldier becomes a living booby trap.
Storyline
After various skirmishes, two wounded soldiers, one
Bosnian and one Serb, confront each other in a
trench in the no man''s land between their lines.
They wait for dark, trading insults and even finding
some common ground; sometimes one has the gun,
sometimes the other, sometimes both. Things get
complicated when another wounded Bosnian comes to,
but can''t move because a bouncing mine is beneath
him. The two men cooperate to wave white flags,
their lines call the UN (whose high command tries
not to help), an English reporter shows up, a French
sergeant shows courage, and the three men in no
man''s land may or may not find a way to all get
along.
|
|
|
 |
|